วิวัฒนาการของวิชาเคมีแบ่งออกเป็นยุคต่างๆ ดังนี้
1.ยุคก่อนประวัติศาสตร์ – ค.ศ. 500
– ชาวอียิปต์เป็นชนชาติแรกที่รู้จักใช้วิธีการทางเคมี และคำว่า Chemeia มีปรากฏในภาษาอียิปต์
– เดโมคริตัส (นักปราชญ์ชาวกรีก) แสดงความคิดเห็นในเรื่องโครงสร้างของสารโดยคิดหาเหตุผลเพียงอย่างเดียว ไม่ได้ทำการทดลองประกอบให้เห็นจริง
– อริสโตเติล รวบรวมทฤษฎีเกี่ยวกับสสาร โดยสรุปว่า สสารต่างๆ ประกอบขึ้นด้วยธาตุ 4 อย่าง คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ ในสัดส่วนที่ต่างกันสำหรับสสารที่ต่างชนิดกัน
2.ยุคการเล่นแร่แปรธาตุ ค.ศ. 500 – ค.ศ. 1500
–นักเคมีสนใจในเรื่องการเล่นแร่แปรธาตุให้เป็นทองคำ แต่ไม่ค่อยพบความสำเร็จเลย ประมาณ ค.ศ. 1100
–ความรู้ทางเคมีได้แพร่เข้าสู่ยุโรป ในปลายยุคนี้นักเคมีล้มเลิกความสนใจการเล่นแร่แปรธาตุ
–เริ่มสนใจค้นคว้าหายาอายุวัฒนะที่ใช้รักษาโรค
3.ยุคการเสาะแสวงหายาอายุวัฒนะ (ค.ศ. 1500 – 1600)
–เป็นยุค Latrochemistry
–นักเคมีพยายามค้นคว้าหายาอายุวัฒนะและบรรดายารักษาโรคต่างๆ
4.ยุคปัจจุบัน (ค.ศ. 1627 – 1691)
–เริ่มต้นจาก Robert Boyle “ศึกษาเคมีเพื่อเคมี”
–Robert Boyle “ศึกษาเคมีเพื่อความเจริญรุ่งเรืองของเคมีโดยเฉพาะ”และ”ใช้วิธีการทดลองประกอบการศึกษาเพื่อทดสอบความจริงและทฤษฎีต่างๆ”
–เลิกล้มทฤษฎีของอริสโตเติลที่เกี่ยวกับดิน น้ำ ลม ไฟ
–ลาวัวซิเยร์ (ค.ศ. 1743 – 1794) เป็นผู้ริเริ่มเคมียุคปัจจุบัน
–สตาฮ์ล (Stahl : ค.ศ. 1660 – 1734) ตั้งทฤษฎีฟลอจิสตัน (Phlogiston Theory)
–ลาวัวซิเยร์ ตั้งทฤษฎีแห่งการเผาไหม้ขึ้น ยังผลให้ทฤษฎีฟลอจิสตันต้องเลิกล้มไป
–John Dalton (ค.ศ. 1766 – 1844) ตั้งทฤษฎีอะตอม ซึ่งเป็นรากฐานของเคมีสมัยใหม่ แต่ทฤษฎีอะตอมก็ต้องล้มเลิกไป เนื่องจากอะตอมที่แสดงพฤติกรรมได้ทั้งอนุภาคและคลื่น
ใส่ความเห็น